ความเชื่อเรื่องดอกไม้ที่ใช้ถวายบูชาพระ

"ความรู้ ดอกไม้บูชาพระ แต่ละชนิดเสริมสิริมงคลอย่างไร...

1. ดอกบัว... พบแต่ความ สำเร็จ

2. ดอกดาวเรือง... พบแต่ความรุ่งเรือง มีเงิน มีทอง

3. ดอกพุด... ส่งผลให้ เจริญ มั่นคง แข็งแรงสมบูรณ์ ควรเป็นสีขาว

4. ดอกมะลิ... สุขสดชื่นทำให้คนในบ้านมีความบริสุทธิ์ มีความรักความคิดถึงแก่บุคคลทั่วไป

5. ดอกรัก... พบแต่ความรักที่เปี่ยมด้วยความสุข

6. ดอกกุหลาบ... พบแต่ความมีเสน่ห์แก่ผู้พบเห็น

7. ดอกแก้ว... มีความดี ความสูงค่ามีจิตใจ แจ่มใส

8. ดอกกล้วยไม้... พบแต่ความสำเร็จ

9. ดอกจำปี... ทำให้ชีวิตรุ่งเรือง การงานก้าวหน้า

10. ดอกจำปา... นำโชคสู่ครอบครัว

11. บานไม้รู้โรย... เสริมความรักให้มั่นคง

12. ดอกเข็ม... ทำให้ สมองปลอดโปร่ง

13. เบญจมาส... ความยั่งยืน

14. ดอกลิลลี่... พบแต่ ความน่ายินดีในทุกเรื่อง

15. ดอกพุดตาน... ความพร้อมด้วยยศถาบรรดาศักดิ์...

ที่มา: พระอธิการ นพดล กันตสีโล วัดหนองรั้ว

* คำอธิษฐาน *

คำอธิษฐาน

ขอกุศลผลบุญ
ที่ข้าพเจ้าได้ประกอบบำเพ็ญไว้ด้วยดีแล้ว
มีทานกุศล ศีลกุศล ภาวนากุศล
และการอุทิศแผ่ส่วนกุศลนั้นแก่สรรพสัตว์โลกทั้งหลาย เป็นต้นนี้
ตั้งแต่อดีต จนตราบเท่าถึงปัจจุบัน

จงเป็นตบะ เดชะ พลวปัจจัย
ให้ข้าพเจ้าเป็นผู้ปราศจากกิเลสนิวรณ์
และวิปัสสนูปกิเลสทั้งหลาย
ให้ข้าพเจ้าเป็นผู้มีปัญญาอันเห็นชอบ
ในพระอริยสัจทั้ง ๔
และได้ดวงตาเห็นธรรม
ขอให้สิ้นอาสวกิเลส ตัณหา อุปาทาน
และได้บรรลุมรรคผลนิพพาน ฝ่ายสัมมาทิฏฐิแต่ส่วนเดียว
และขอจงเป็นพลวปัจจัยเกื้อหนุนข้าพเจ้า

๑. ให้แตกฉานในพระไตรปิฎก
มีพระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก และ พระอภิธรรมปิฎก

๒. ให้ถึงพร้อมด้วยจรณะ ๑๕
ธรรมเครื่องยังให้เกิดและเจริญโพธิปักขิยธรรม
องค์ธรรมเครื่องตรัสรู้ ๓๗ ประการ อันประกอบด้วย
ทิพพจักขุ ทิพพโสต สมันตจักขุ ปัญญาจักขุ
ธรรมจักขุ และพุทธจักขุ อันบริสุทธิ์
พร้อมด้วยวิชชา ๓ วิชชา ๘ อภิญญา ๖
และ จตุปฏิสัมภิทาญาณ
(สำหรับผู้ปรารถนา "พุทธภูมิ"
พึงอธิษฐานเพิ่มว่า ...
ให้เจริญด้วย "อาสยานุสยญาณ"
และ "อินทริยปโรปริยัตตญาณ"
ธรรมเครื่องช่วยในการโปรดสัตว์)

๓. ให้ได้เข้าถึง ได้รู้ เห็น และเป็น
พระธรรมกาย มรรค ผล และพระนิพพาน
คือธรรมกายที่บรรลุพระอรหัตตผลแล้ว
ทำให้แจ้งทั้งพระนิพพานถอดกาย
และทั้งพระนิพพานเป็น โดยพลัน
ให้ได้ตรัสรู้ในธรรมที่ควรรู้ ทั้งสังขตธาตุสังขตธรรม
และอสังขตธาตุอสังขตธรรมทั้งหลาย ตามที่เป็นจริง
ให้สามารถละธรรมที่ควรละ
ให้สามารถเจริญในธรรมที่ควรเจริญ
มุ่งตรงต่อมรรคผลนิพพาน ที่สิ้นสุดแห่งทุกข์ทั้งปวง

๔. ขอให้ได้บุญศักดิ์สิทธิ์ บารมี รัศมี กำลัง ฤทธิ์
อำนาจ สิทธิ เฉียบขาด เป็นทับทวี
ตามศักดิ์แห่งบารมี และหน้าที่ทนายแห่งพระพุทธศาสนา

๕. ขอให้ข้าพเจ้าได้ชนะศัตรู
คือ กิเลสมาร ขันธมาร มัจจุมาร
และอุปาทานในอภิสังขารมาร ด้วยตัณหาและทิฏฐิ
คือ ความหลงผิด
และขอให้พญามารทั้งหลายและบริวาร
จงอย่าได้ช่องเข้าครอบงำ ขัดขวาง
และทำลายการบำเพ็ญบารมีแห่งข้าพเจ้า
ตลอดทั้งเพื่อนผู้ร่วมบำเพ็ญบารมีทั้งหลายของข้าพเจ้าได้

๖. ให้ได้รู้ถูก เห็นถูก ในธรรมที่ควรรู้และควรเห็น
ให้เป็นผู้คิดถูก พูดถูก กระทำถูก นำผู้อื่นถูก
และทรงไว้ซึ่งพระพุทธศาสนาของพระบรมศาสดา
ตลอดไปในกาลทุกเมื่อ

๗. ขอให้ข้าพเจ้าเป็นผู้ฉลาดในอุบาย
แห่งความเจริญและความเสื่อม
เป็นผู้เฉียบแหลมในอรรถและในธรรม

๘. ขอให้สุข สมบูรณ์ บริบูรณ์ ด้วยปัจจัย ๔
สิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหลาย
มียวดยานพาหนะ และเครื่องใช้สอยต่างๆ เป็นต้น
ขึ้นชื่อว่าความขาดแคลนในสิ่งเหล่านี้ อย่าได้มี

๙. แม้ว่าข้าพเจ้าจะยังอาภัพอยู่
ยังจะต้องท่องเที่ยวไปในวัฏฏสงสาร
ก็ขอให้ได้เกิดในฤกษ์สร้างบารมี
บริบูรณ์ด้วยสมบัติ ๖ ประการ คือ
กาลสมบัติ ชาติสมบัติ ตระกูลสมบัติ
ประเทศสมบัติ ทิฏฐิสมบัติ และอุปธิสมบัติ
ให้ได้มีโอกาสศึกษาและปฏิบัติธรรมเพื่อความพ้นทุกข์
ตามแนวทางพระพุทธศาสนา
และขอให้ข้าพเจ้าเป็นเหมือนพระโพธิสัตว์ผู้เที่ยงแท้
ได้รับการพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าแล้ว
ไม่กระทำอกุศลกรรมอันจะนำไปสู่อบายภูมิอีก
และถ้าหากยังมีเศษกรรมเหลืออยู่
ก็ขออย่าได้ถึงฐานะแห่งความอาภัพต่างๆ

๑๐. เมื่อเกิดเป็นมนุษย์ ก็ขอให้ได้เพศบริสุทธิ์
เป็นชาย ให้ได้บรรพชาอุปสมบท
เป็นผู้มีอายุยืนกว่าอายุขัยของมนุษย์ในกาลนั้นตามปรารถนา
และแม้ว่าจะผ่านวัยกลางคน ก็ขอให้มีพลานามัยแข็งแรง
อายตนะภายในดีเลิศ และสุขภาพจิตใจดีเลิศ

๑๑. ขอให้ข้าพเจ้าไม่พึงคบมิตรชั่ว
ให้พึงคบแต่บัณฑิตในกาลทุกเมื่อ
และขอให้ข้าพเจ้าเป็นบ่อเกิดแห่งคุณความดี
คือเป็นผู้มีศรัทธา สติ หิริ โอตตัปปะ
ประกอบด้วยความเพียรและขันติ
พึงเว้นจากเวรทั้ง ๕ ไม่เกาะเกี่ยวในกามคุณทั้ง ๕
พึงเว้นจากเปือกตม คือ กาม
พึงยินดีในการรักษาศีล เจริญสมาธิ ปัญญา
วิมุตติ วิมุตติญาณทัสสนะ โดยสัมมาทิฏฐิแต่ส่วนเดียว

* พระเทพญาณมงคล (เสริมชัย ชยมงฺคโล)
เจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม
อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี

10 วิธี "ใช้หนี้พ่อแม่"

10 วิธี "ใช้หนี้พ่อแม่"

1. จงสร้างความดีให้กับตัวเอง และนี่ก็เป็นการใช้หนี้ตัวเอง ตัวเราพ่อให้หัวใจ แม่ให้น้ำเลือดน้ำเหลืองอยู่ในตัวแล้ว จะไปแสวงหาพ่อที่ไหน จะไปแสวงหาแม่ที่ไหน บางคนรังเกียจแม่ ว่าแก่เฒ่าไม่สวยไม่งาม พอตัวเองแก่ก็เลยถูกลูกหลานรังเกียจ จึงเป็นกงกรรมกงเกวียนยืดเยื้อกันต่อไปอีก

2. ใครที่คุณแม่ล่วงลับไปแล้ว ก็ให้หมั่นทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ท่าน และถ้าจะทำบุญด้วยการเจริญกรรมฐาน แล้วอุทิศส่วนกุศลไป การทำเช่นนี้ถือว่าได้บุญมากที่สุด ทั้งฝ่ายผู้ให้และผู้รับ ฯ

3. ผู้ใดก็ตาม ที่คุณแม่ยังมีชีวิตอยู่ ก็ให้กลับไปหาแม่ ไปกราบเท้าขอพรจากท่าน จะได้มั่งมีศรีสุข ส่วนคนที่เคยทำไม่ดีไว้กับท่าน ก็นำเทียนแพไปกราบขออโหสิกรรม ล้างเท้าให้ท่านด้วย เป็นการขอขมาลาโทษ ฯ

4. ขอฝากท่านไว้ไปสอนลูกหลาน อย่าคิดไม่ดีกับพ่อแม่เลย ไม่ต้องถึงกับฆ่าหรอก แค่คิดว่าพ่อแม่เราไม่ดี จะทำมาหากินไม่ขึ้น เจ๊ง ท่านต้องแก้ปัญหาก่อนคือ ถอนคำพูด ไปขอขมาลาโทษเสีย แล้วมาเจริญกรรมฐาน รับรองสำเร็จแน่ มรรคผลเกิดแน่ ฯ

5. บางคนลืมพ่อลืมแม่ อย่าลืมนะการเถียงพ่อเถียงแม่ไม่ดี ขอบิณฑบาต สอนลูกหลานอย่าเถียงพ่อเถียงแม่ อย่าคิดไม่ดีกับพ่อกับแม่ ไม่อย่างนั้นจะก้าวหน้าได้อย่างไร ก้าวถอยหลังดำน้ำไม่โผล่ ฯ

6. คนที่มีบุญวาสนา จะกตัญญูกับพ่อแม่ คนเถียงพ่อเถียงแม่เอาดีไม่ได้..คนไม่พูดกับพ่อแม่ นั่งกรรมฐานร้อยปี ก็ไม่ได้อะไร? ถ้าไม่ขออโหสิกรรม ฯขออโหสิกรรม ที่คิดไม่ดีกับพ่อแม่ คิดไม่ดีกับครูบาอาจารย์ คิดไม่ดีกับพี่ๆ น้องๆ จะไม่เอาอีกแล้ว เอาน้ำไปขันหนึ่ง เอาดอกมะลิโรย กายกัมมัง วจีกัมมัง มโนกัมมัง โยโทโส อันว่าโทษทัณฑ์ใด ความผิดอันใด ที่ข้าพเจ้าพลั้งเผลอสติไป ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ขอให้คุณพ่อคุณแม่ คุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยาย คุณพี่คุณน้อง อโหสิกรรมให้ด้วย แล้วเอาน้ำรดมือรดเท้า ฯ
นี่แหละท่านทั้งหลายเอ๋ย เป็นหนี้บุญคุณพ่อแม่มากมาย ยังจะไปทวงนาทวงไร่ ทวงตึก มาเป็นของเราอีกหรือ ตัวเองก็พึ่งตัวเองไม่ได้ สอนตัวเองไม่ได้ เป็นคนอัปรีย์จัญไรในโลกมนุษย์ไปทวงหนี้พ่อแม่ พ่อแม่ให้แล้ว (ให้ชีวิต ให้…ให้… ให้….ฯลฯ) เรียนสำเร็จแล้ว ยังช่วยตัวเองไม่ได้ มีหนี้ติดค้าง รับรองทำมาหากินไม่ขึ้น ฯ
หนี้บุญคุณอันยิ่งใหญ่ เหลือจะนับประมาณ
นั่นคือหนี้บุญคุณของบิดามารดา
ตัวอย่าง “หนามแหลมใครเสี้ยม มะนาวกลมเกลี้ยงใครไปกลึง” เด็กประถม ๔ พ่อเมาเหล้า เมากัญชาเล่นการพนัน แม่เล่นหวย ปัจจุบันเป็นดอกเตอร์อยู่อเมริกา หลวงพ่อสอนครั้งเดียวจำได้ บอกวันเกิด หนูซื้อขนม ๒ ห่อ เรียกพ่อแม่มานั่งคู่กัน แล้ว.กราบนะลูกนะ แล้วก็บอกพ่อแม่ว่า ความผิดอันใดที่ลูกพลั้งเผลอ ด้วยกาย วาจา ใจ ที่คิดไม่ดีต่อคุณพ่อคุณแม่ ขอให้คุณพ่อคุณแม่อโหสิกรรมให้ แล้วล้างเท้าให้พ่อแม่ ลูกไม่มีสตางค์ ลูกซื้อขนมมา ๒ ห่อ ให้แม่ก่อน ๑ ห่อ เพราะอุ้มท้องมา แล้วจึงให้พ่ออีก ๑ ห่อ ลูกขอปฏิญาณตนว่า ลูกขอเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ แล้วจะเป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ ลูกจะไม่ทำให้พ่อแม่ผิดหวัง…พ่อฟังแล้วน้ำตาร่วงสร่างเมา ส่วนแม่ก็ร้องไห้เลย พ่อแม่ก็ให้สัญญากับลูกเลิกอบายมุขทั้งหมด

7. ลูกหลานโปรดจำไว้ เมื่อแยกครอบครัวไปมีสามีภรรยาแล้ว อย่าลืมไปหาพ่อแม่ ถึงวันว่างเมื่อไรต้องไปหาพ่อแม่ ถึงวันเกิดของลูกหลาน อย่าลืมเอาของไปให้พ่อแม่รับประทาน อย่ากินเหล้า เข้าโฮเต็ล ฯ

8. ชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้เป็นมงคลนาม ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน เพราะชื่อเป็นเพียงนามสมมุติแทนตัวเรา อย่างหลวงพ่อชื่อจรัญ ปู่ตั้งให้ หมอดูบอกเป็นกาลกิณี แต่ทำไมเจริญรุ่งเรือง ขอให้เชื่อพระพุทธเจ้าทำดีได้ดี ฯ

9. ของดี ของ ปู่ ย่า ตา ยาย อย่าไปทำลายเลย ของพ่อแม่อย่าไปทำลายนะ หนีได้แน่นอน โยมมีกรรมฐาน มีทรัพย์ มีชื่อเสียง ความรัก บูชาทรัพย์ บูชาชื่อเสียง ความรักของพ่อแม่ได้ เงินจะไหลนองทองจะไหลมา..พ่อแม่ให้อะไรเอาไว้ก่อน อย่าไปทำลายเสีย ถึงจะเป็นถ้วยพ่อแม่ให้มา ก็ไว้เป็นที่ระลึกก็ยังดีอย่าเอาไปทิ้งขว้าง ฯ

10. ถ้าต้องการเจริญก้าวหน้าขอฝากไว้ด้วย คนเรามี ๒ ก้าว จะก้าวขึ้นหรือก้าวลงดำน้ำไม่โผล่ ก้าวลงมันง่ายดี ก้าวขึ้นมันต้องยาก ของชั่วมันง่าย หลั่งไหลไปตามที่ต่ำ นี่บอกสอนลูกหลาน ต้องการจะบรรจุงานไม่ต้องไปวิ่งเต้น ดูลูกเสียก่อน กุศลเพียงพอหรือเปล่า ต้องเพิ่มกุศล ตัวอย่างเรียนจบครู สวดมนตร์เข้าเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นครู ทำงานธนาคารก็ได้ บริษัทก็ได้เดี๋ยวมีคนรับ บางรายทั้งสอบทั้งสมัครหลายแห่งไม่เคยเรียกเลย อาตมาให้นั่งกรรมฐาน พอ ๗ วันผ่านไปพวกมาตามให้เข้าไปทำงานแล้ว ฯ

(ที่มา : หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม วัดอัมพวัน)