ไข่ไก่ 2 ฟอง
หอยนางรมสดแกะเปลือก 1 ถ้วย
ถั่วงอกเด็ดหัว 1 กำมือ
กระเทียมสับละเอียด 2 ช้อนชา
ต้นหอมซอยแฉลบ 2 ช้อนโต้ะ
ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
แป้งมันละลายน้ำอัตราส่วน น้ำ 1 ถ้วย แป้งครึ่งถ้วย
น้ำมันพืชสำหรับผัด 2 ช้อนชา
น้ำมันพืชสำหรับทอด
ใบผักชีสำหรับโรยหน้า
ซอสพริกสำหรับรับประทานคู่กัน
วิธีทำ
1. ใส่หอยนางรมลงเคล้าเบา ๆ กับแป้งมัน ละลายน้ำให้ทั่ว พักไว้
2. ตั้งน้ำมัน 2 ช้อนชาในกระทะด้วยไฟกลางให้ร้อน ใส่กระเทียมลงเจียวให้หอม ตามด้วยถั่วงอก ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว น้ำตาลทราย และพริกไทย (เหลือไว้เล็กน้อยสำหรับโรยหน้า) ผัดเข้าด้วยกัน
3. ใส่ต้นหอม (แบ่งไว้เล็กน้อยสำหรับโรยหน้า) ผัดต่อพอเข้ากัน ตักใส่จานเสิร์ฟเตรียมไว้
4. ตั้งน้ำมันสำหรับทอดในกระทะก้นแบนด้วยไฟกลางค่อนข้างแรงให้ร้อน ใส่ส่วนผสมหอยนางรมลงทอดพอเกือบสุกใส่ไข่ ใช้ตะหลิวเกลี่ยเบา ๆ พอให้ไข่แดงแตก แล้วกลับด้านทอดจนสุกทั่ว ปิดเตา
5. ตักใส่จานเสิร์ฟที่เตรียมไว้ในข้อ 3 โรยหน้าด้วยต้นหอม ใบผักชี และพริกไทย รับประทานขณะร้อน ๆ คู่กับซอสพริก
ข้าวสวยเย็น 2 ถ้วยตวง
กุ้ง ปลาหมึก หอยเชลล์ หอยแมลงภู่ 2 ถ้วยตวง
Chorizo sausage หั่นเป็นแว่น ¼ ถ้วยตวง
กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
มะเขือเทศ 2 ลูก หั่นเต๋าเล็ก ¼ ถ้วยตวง
หอมใหญ่ 1 ลูก หั่นเต๋าเล็ก ¼ ถ้วยตวง
หญ้าฝรั่น (Saffron) 1 ช้อนชา (แช่ด้วยน้ำอุ่น 1-2 ช้อนโต๊ะ)
น้ำมันมะกอก 3 ช้อนโต๊ะ
พริกหวานสีเหลือง แดง เขียว หั่นเต๋าเล็ก ¼ ถ้วยตวง
ถั่วลันเตา 2 ช้อนโต๊ะ
แครอทหั่นเต๋าเล็ก ¼ ถ้วยตวง
อิตาเลียนพาสลีย์สับ 1 ช้อนชา
ไวน์ขาว 1 ช้อนโต๊ะ
คนอร์อร่อยชัวร์ 1 ½ ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา
พริกไทยป่นตามชอบ
วิธีทำ
1.ตั้งกระทะบนไฟใส่น้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ เมื่อน้ำมันร้อนได้ที่ ใส่อาหารทะเลดลงผัดในน้ำมันให้สุกพอดี เติมไวน์ขาว 1 ช้อนโต๊ะเพื่อดับกลิ่น ตักใส่จานพักไว้
2.ตั้งกระทะบนไฟใส่น้ำมันมะกอกที่เหลือ ใส่กระเทียมลงไปเจียวพอหอม เติมหอมใหญ่ พริกหวานและมะเขือเทศลงไปผัดพอสุก แล้วใส่แครอท และถั่วลันเตาผัดพอเข้ากัน
3.ใส่ข้าวสวยที่หุงแล้วลงไปผัด ตามด้วยอาหารทะเลที่ผัดไว้ ผัดให้เข้ากันแล้วใส่น้ำหญ้าฝรั่นลงไป ผัดต่อให้เข้ากันดี ปรุงรสด้วยคนอร์ผงอร่อยชัวร์ น้ำตาล และพริกไทยป่น ผัดให้ส่วนผสมเข้ากันดี
4.ใส่พาสเลย์สับผัดให้เข้ากัน จัดใส่จาน
สูตรต้นตำรับจะใส่ข้าวดิบลงไปแล้วรอให้สุกไปด้วยกัน แต่ขอดัดแปลงนิดหน่อยเพื่อประหยัดเวลาโดยหุงข้าวไว้ก่อน ถ้าใครอยากใช้ข้าวดิบก็ไม่ว่ากันนะ
น้ำซุปกระดูกหมู
กระดูกหมู 250 กรัม
พริกไทย 1 ช้อนโต๊ะ
รากผักชีทุบ
กระเทียมทุบ
หัวไชเท้า 200 กรัม
กระเทียดอง พร้อมน้ำกระเทียมดอง
น้ำเปล่า 2 ลิตร
ซุปหมูก้อน 3 ก้อน
วิธีทำ
1. ลวกกระดูกหมูในน้ำเดือด 2 นาที เพื่อล้างเลือด จากนั้นนำไปล้างน้ำอีกครั้งให้สะอาด
2. ใส่กระดูกลงในหม้อ ตามด้วยพริกไทย รากผักชีทุบ และกระเทียมทุบ กระเทียดองพร้อมน้ำกระเทียมดอง ซุปหมูก้อน เคี่ยวด้วยไฟอ่อน 1ชั่วโมง 30 นาที จะได้น้ำซุปที่หวานกลมกล่อม
วิธีทำ กะเทียม+รากผักชี เนื้อหมูหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ 250 กรัม 1. เต้าหู้ไข่ 1 หลอด
ขั้นตอนทำไส้งาดำ
1. นำงาดำมาล้างน้ำให้สะอาด จากนั้นตั้งกระทะใช้ไฟอ่อนคั่วงาดำพอให้มีกลิ่นหอมแล้วตักขึ้น แล้วเอามาโขลกให้ละเอียดด้วยครกหิน
2. นำกระทะตั้งไฟอ่อนอีกครั้ง ใส่น้ำตาลปี๊บ น้ำตาลทรายขาว เคี่ยวจนน้ำตาลปี๊บละลายเข้ากับ น้ำตาลทรายขาว ใส่งาดำที่โขลกละเอียดลงไปเคี่ยวให้เข้ากันจนข้นแล้วตักใส่กะละมังสแตนเลสขึ้นมาพักไว้ให้เย็น แล้วปั้นงาดำเป็นก้อนกลม ๆ ขนาดเล็กกว่าลูกชิ้นเตรียมไว้
ขั้นตอนทำแป้งบัวลอย
นำแป้งข้าวเหนียวเทลงในกะละมังสแตนเลส ค่อยๆ เทน้ำอุ่นลงไปใช้มือ นวดไปเรื่อยๆ จนกว่าแป้งจะเหนียวเข้าที่ พักไว้
ขั้นตอนการทำบัวลอย
1. นำแป้งข้าวเหนียวและไส้งาดำที่เตรียมไว้มาปั้นเป็นขนมโดยหยิบแป้งบัวลอยขนาดเท่าหัวแม่มือแบออกเป็นแผ่นเอาไส้งาดำใส่ลงไปห่อด้วยแป้งแล้วคลึงให้เป็นลูกกลมขนาดเท่าลูกชิ้น
เสร็จแล้ววางลงบนถาดอะลูมิเนียมที่มีแป้งข้าวเหนียวใส่ทั่วถาด เพื่อป้องกันไม่ให้ บัวลอยติดกัน
2. ตั้งกระทะใส่น้ำ ¾ ของกระทะ ใช้ไฟแรง เมื่อน้ำเดือดแล้วหรี่ไฟปานกลางทยอยใส่บัวลอยลงไปต้ม รอจนบัวลอยสุกลอยขึ้นมาเอง ใช้กระชอนตักขึ้นมาใส่ในถังน้ำพลาสติกที่มีน้ำอยู่ประมาณ ½ ถัง แล้วค่อยตักขึ้น
3. นำขนมบัวลอยที่ได้มาใส่กล่องพลาสติกใสกล่องละ 5 ลูก เป่าด้วยพัดลมให้เย็นแล้วปิดฝาให้เรียบร้อย
ขั้นตอนการทำน้ำขิง
1. น้ำขิงแก่มาหั่นเป็นแผ่นบาง ๆ ล้างน้ำให้สะอาด
2. ตั้งหม้ออะลูมิเนียมเบอร์ 45 ใส่น้ำ ¾ ของหม้อ ใส่ขิงลงไปในน้ำต้มทิ้งไว้ทั้งคืนพอตอนเช้าก็ถ่ายลงในหม้อต้มซุปก๋วยเตี๋ยวสแตนเลส ใส่น้ำตาลทรายแดงประมาณ 2 กิโลกรัม ตั้งไฟให้ร้อนตลอดเวลา เมื่อจะนำออกมาขายบัวลอย 1 กล่อง 5 ลูก ให้ตักน้ำขิงร้อนๆ ให้ลูกค้า 1 ถุง
ตลาด/แหล่งจำหน่าย
ย่านชุมชน บริเวณที่มีคนเดินพลุกพล่าน
สถานที่ฝึกอบรม
สำนักส่งเสริมและฝึกอบรม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โทรศัพท์ 0 2942-8460,579-2294 ต่อ 218-226
ข้อแนะนำ
1. ไม่ควรใส่น้ำตาลในงาดำมากเกินไป เพราะน้ำขิงมีรสหวานอยู่แล้ว ถ้าใส่มากขนมจะหวานเกินไป
2. ขั้นตอนการต้มบัวลอยต้องหรี่ไฟให้อ่อนลง ไม่เช่นนั้นบัวลอยจะติดก้นหม้อ
3. การต้มน้ำขิงควรต้มเวลากลางคืนและเตาที่ต้มควรเป็นเตาถ่าน เพราะจะทำให้น้ำร้อนระอุตลอดเวลา
ที่มา : กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน
สาคูไส้ถั่วหัวไชโป๊ว
ถั่วลิสงคั่วบดหยาบ
ไชโป้วหวานสับหยาบ
น้ำตาลปี๊บ
น้ำตาลทราย
เกลือ
กะเทียมเจียว
น้ำมันพืชไว้คลุกกันติด
ผักกาดหอม ผักชี
พริกขี้หนูสวน
วิธีทำ
โขลกกระเทียม+รากผักชี ตั้งกระทะใส่น้ำมันไฟปานกลางใส่เครื่องที่โขลกลงผัดให้หอม
ตามด้วยหัวไชโป๊ว ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ+น้ำตาลทราย ใส่เกลือชิมรสให้หวานนำเค็มตาม ใส่ถั่วลิสงคั่วลงผัดไฟอ่อนๆจนงวดและ
เหนียว ปิดไฟตักขึ้นพักไว้ให้เย็น
พอเย็นแล้วปั้นไส้เป็นก้อนกลมขนาดพอดี พักไว้
ตัวสาคู
นำสาคูเม็ดเล็ก ใส่ชามแช่น้ำทิ้งไว้ 10 นาที ครบเวลาแล้วนวดเบาๆจนเม็ดสาคูจับตัวกันเหนียวนุ่มพร้อมปั้น
แผ่แป้งสาคูให้เป็นแผ่นบางขนาดพอดีใส่ไส้ลงไปห่อให้มิด (ตอนปั้นต้องเอามือชุบน้ำด้วย
เพื่อไม่ให้ติดมือ นำใบตองวางก้นซึ้งทาน้ำมันพืชให้ทั่ว(กันติด) เอาสาคูเรียงบนใบตอง นึ่งน้ำเดือดไฟแรง 15 นาทีเศษๆ
ยกลงจัดเรียงใส่จานโรยกระเทียมเจียว แนมด้วยพริกสวนพร้อมผักกาดหอมหรือผักชี พร้อมรับประทาน
ผัดซีอิ้ว
ซิอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมสับ 2 กลีบ
เส้นก๋วยเตี๋ยว 450 กรัม (เส้นใหญ่หรือเส้นหมี่)
ซิอิ๊วดำ 1 ช้อนโต๊ะ
คะน้าหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ 200 กรัม
ไข่ไก่ 1 ฟอง
ซ๊อสหอยนางรม 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
1. ใส่น้ำมันลงในกระทะ นำไปตั้งไฟ ใส่กระเทียมและหมู ผัดจนกระทั่งกระเทียมหอมและหมูเริ่มสุก
2. ใส่เส้นก๋วยเตี๋ยวและส่วนผสมที่เหลือลงไป ผัดจนทุกอย่างเข้ากันทั่ว
3. ย้ายส่วนผสมในกระทะไว้ด้านข้าง ตอกไข่ใส่ลงไปกลางกระทะ ใช้ตะหลิวเขี่ยไข่แดงให้แตกออก รอจนกระทั่งไข่เกือบสุกจึงผัดทุกอย่างในกระทะให้ผสมกันทั่ว
4. ปรุงรสด้วย ซิอิ๊วขาว และน้ำตาล ตักใส่จาน โรยหน้าด้วยพริกไทยพอประมาณ
แกงจืดเต้าหู้หมูสับ
2. หมูสับปรุงรสประมาณ 100 กรัม
3. น้ำเปล่า 3 ถ้วย
4. ซุปก้อนหมู ½ ก้อน
5. ซีอิ้วขาวประมาณ 1 – 2 ช้อนโต๊ะ
6. น้ำตาลทรายประมาณ ½ – 1 ช้อนชา
7. ผักสดตามชอบ (สำหรับแกงจืดเต้าหู้หมูสับเราแนะนำให้ใส่ผักกาดขาวหั่นเป็นชิ้นและแครอทลงไปด้วย เพื่อให้มีสีสันและคุณค่าทางอาหารมากยิ่งขึ้น)
8. ต้นหอมและคื่นฉ่ายซอยหรือหั่นเป็นท่อน อย่างละ 2 ต้น
9. กระเทียมเจียวโรยหน้า (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)
หมูหมัก
1. หมูสับประมาณ 100 กรัม
2. น้ำมันหอยประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ
3. พริกไทยเม็ด ½ ช้อนชา
4. เกลือป่นประมาณ ½ ช้อนชา
5. กระเทียม 10 กลีบ
6. รากผักชี 2 – 3 ราก
นำพริกไทยเม็ดและเกลือป่นมาโขลกในครกให้ละเอียดเข้ากัน ใส่กระเทียมและรากผักชีลงไปโขลกให้ละเอียดเข้ากันดีแบบหยาบๆ จากนั้นตักกระเทียมและรากผักชีที่โขลกไว้แล้วลงไปคลุกเคล้ากับหมูสับ ปรุงรสด้วยน้ำมันหอยประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ แล้วคลุกเคล้าส่วนผสมให้เข้ากันอีกครั้ง เราก็จะได้หมูสับปรุงรสไว้ทำแกงจืดเต้าหู้หมูสับ
วิธีทำ
1. สำหรับใครที่ใส่ผักก็ให้นำผักกาดขาวมาเด็ดเป็นใบๆ แล้วล้างน้ำให้สะอาด หั่นเป็นท่อน ส่วนแครอทก็นำมาปอกเปลือกแล้วหั่นเป็นแว่นเตรียมไว้
2. นำหั่นคื่นช่ายและต้นหอมไปล้างน้ำให้สะอาด แล้วหั่นเป็นท่อนๆ เต้าหู้ไข่ก็ให้หั่นเป็นแว่นๆหนาประมาณ 1 – 1.5 เซนติเมตรเตรียมไว้เช่นกัน
3. ใส่น้ำเปล่าประมาณ 3 ถ้วยลงในหม้อ นำขึ้นตั้งเตาไฟ ต้มให้เดือด แล้วจึงใส่ซุปก้อนหมู ½ ก้อนตามลงไป คนให้เข้ากัน รอจนซุปก้อนหมูละลายจนหมด ปั้นหมูสับปรุงรสที่เตรียมไว้แล้วเป็นก้อนกลมลงไปในน้ำซุป
4. ปรับไฟเตาแรงขึ้นให้น้ำซุปเดือด ใส่ผักกาดขาวและแครอทที่หั่นไว้ลงไปต้มให้สุก จากนั้นใส่เต้าหู้ไข่ตามลงไป รอให้น้ำซุปเดือดอีกครั้ง จึงปรุงรสด้วยซีอิ้วขาว น้ำตาลทรายให้ได้รสกลมกล่อมตามชอบ นำคื่นช่ายและต้นหอมหั่นเป็นท่อนใส่ลงในหม้อ ปิดเตาไฟ แกงจืดเต้าหู้หมูสับของเราก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยทอดมันกุ้งดอกโสน
1. กุ้งสดบด 350 กรัม (ก่อนปั่นต้องซับให้แห้ง)
2. ดอกโสน 1/2-1 ถ้วยตวง
3. มันหมูบด 2 ช้อนโต๊ะ (ใช้แป้งมันแทนได้)
4. รากผักชี 2-3 ราก
5. กระเทียมเม็ดเล็ก 7 เม็ด
6. พริกไทย 1 ช้อนชา
7. ซีอิ้วขาว 2 1/2 ช้อนโต๊ะ
8. น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
1. ปั่นรากผักชีกระเทียมพริกไทย กุ้ง มันหมู ซีอิ้วขาว น้ำตาลทราย ยกออกใส่ถ้วยผสม
2. นำดอกโสนลงไปคลุกให้เข้ากัน แล้วฝาดให้เหนียว หากแฉะไปให้เพิ่มแป้งมันเข้าไปนิดหน่อย
3. ปั้นเป็นทรงกลมแบนแล้วใช้นิ้วกดให้บุ๋มตรงกลาง (จะทำให้สุกทั่วกัน)
4. นำไปทอดไฟกลางค่อนข้างแรงจนสุก เสริฟพร้อมน้ำจิ้มไก่หรือน้ำจิ้มตามที่ชอบ
หมายเหตุ
ทอดไฟกลางค่อนข้างแรง คอยคุมไฟ ดอกโสนจะใส่มากกว่านี้ก็ได้ หากชอบแบบมีเกร็ดขนมปัง ตอนปั้นทอดมันเป็นลูกกลม เอาชุปไข่ดิบที่ตีเข้ากัน ต่อด้วยคลุกกับเกร็ดขนมปัง แล้วค่อยกดแบนบุ๋ม
การเตรียมปลาหมึก
1. จัดการปลาหมึกด้วยการดึงแผ่นกระดูกออก บีบตา และควักไส้ให้เรียบร้อย ในสูตรของคุณพยูนบูดแนะนำมาด้วยว่า ให้ใช้ปลายมีดดึงจะงอยปากปลาหมึกออกมา เพราะส่วนนี้หลายคนมักดึงทิ้งจนหมด ทั้งที่จะงอยปากปลากหมึกมีความอร่อยกรุบกรอบ เคี้ยวเพลินมาก ๆ
2. หั่นปลาหมึกเป็นแว่น ๆ จะชิ้นหนาหรือชิ้นบางก็ได้แล้วแต่ความชอบของผู้รับประทาน ทั้งนี้หากปลาหมึกที่ได้มาค่อนข้างสดใหม่จะไม่ทำการลอกหนังออกก็ได้
วิธีทำ
1. เริ่มทำน้ำราดด้วยการผสมกระเทียมสับ พริกสับ และรากผักชีเข้าด้วยกัน ตามด้วยน้ำปลา น้ำมะนาว น้ำกระเทียมดอง และน้ำตาลทราย คนให้เข้ากัน เตรียมไว้
2. จากนั้นใส่น้ำซุปจากการนึ่งปลาหมึกสัก 4 –5 ช้อนโต๊ะ หรือจะเติมน้ำปลา แล้วตามด้วยผงซุปปรุงรสสัก 1 ช้อนชา เพื่อให้มีรสชาติกลมกล่อม
3. เริ่มนึ่งปลาหมึกด้วยการใส่ข่าและตะไคร้ลงไป
4. ตั้งชุดนึ่งรอให้น้ำเดือดจัด ๆ แล้วนำปลาหมึกที่เตรียมไว้ลงนึ่ง โดยเร่งไฟแรง ๆ ปิดฝา 3-5 นาที ให้ปลาหมึกสุกประมาณ 80% เพื่อไม่ให้เนื้อแข็งจนไป แต่ถ้านึ่งปลากะพงทั้งตัว อาจต้องเพิ่มเวลานึ่งเป็น 15 นาที
5. เมื่อปลาหมึกใกล้สุกได้ที่แล้ว ให้นำน้ำราดที่ผสมไว้มาวางรอ พอได้เวลา ให้เปิดฝาแล้วเทน้ำราดลงไป ขยุ้มสะระแหน่ใส่ไปเล็กน้อย จากนั้นปิดฝาเร่งไฟแรง ๆ นับ 1 ถึง 30 แล้วปิดไฟทันที นำออกมาจัดใส่จาน โรยกระเทียมและมะนาวฝานลงไป
ส่วนผสม
1.ข้าวหอมมะลิเก่า 3ถ้วย
2.สะโพกไก่ ใช่ส่วนอื่นได้นะคะ 3ชิ้น
3.เครื่องในไก่ ตามชอบ
4.ขิงทุบ 4-5ชิ้น
5.โคนต้นหอม 3-4ต้น
6.ฟัก
7.แตงกวา ไว้ทานกับข้าวมันไก่
8.น้ำมันมะกอก (ใช้น้ำมันอื่นได้นะคะ) ไว้สำหรับผัดข้าว
9.น้ำเปล่า ไว้สำหรับต้มไก่
วิธีทำ
1.นำน้ำเปล่าขึ้นตั้งไฟ ใส่ขิงทุบ โคนต้นหอม ตั้งไฟให้น้ำเดือดนะคะ จากนั้นใส่สะโพกไก่ เครื่องในไก่ ลงไปต้ม ค่อยๆใส่ลงไปนะคะ รอให้น้ำเดือดแล้วใส่ฟักลงไป น้ำซุปเราใส่ฟักด้วยนะคะ ต้มให้เนื้อสะโพกไก่ แล้วก็เครื่องในไก่สุก จากนั้นตักขึ้นพักไว้ ส่วนน้ำต้มไก่เก็บไว้หุงข้าว
2.หุงข้าว ใช้ข้าวหอมมะลิเก่านะคะ ล้างน้ำให้สะอาด เสร็จแล้วพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ
3.ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันให้ร้อน จากนั้นนำข้าวสารที่ล้างไว้ ลงไปผัด ผัดให้ข้าวสารเป็นเม็ดใสๆ เสร็จแล้วก็ปิดแก๊สได้เลย
4.นำข้าวสารที่ผัดไว้ มาหุงด้วยหม้อหุงข้าว เมื่อใส่ข้าวลงในหม้อแล้วให้เอาน้ำที่ต้มไก่มาหุงข้าว ให้ใส่น้ำน้อยกว่าหุงข้าวปกติ ตักขิงทุบ กับโคนต้นหอม ในน้ำต้มไก่มาหุงข้าวด้วย เสร็จแล้วคนข้าวกับน้ำต้มไก่ให้เข้ากัน เสร็จแล้วนำไปหุงได้เลยคะ
5.ระหว่างรอข้าวสุกก็หั่นไก่และเครื่องในหั่นแตงกวาเตรียมไว้
น้ำจิ้มข้าวมันไก่
ส่วนผสม
1.เต้าเจี้ยว
2.ขิงสับ
3.กระเทียมสับ
4.พริกขี้หนูสับ
5.ซีอิ๊วดำหวาน
6.น้ำตาลทราย
7.น้ำมะนาว
8.น้ำต้มสุก (ไว้เติมถ้าน้ำจิ้มแห้งเกินไป)
วิธีทำ
1.เต้าเจี้ยวตำให้ละเอียด จากนั้นใส่ขิงสับ กระเทียมสับ พริกขี้หนูสับ ผสมให้เข้ากัน ถ้าแห้งเติมน้ำต้มสุกลงไปนะคะ แต่งสีด้วยซีอิ๊วดำหวานจนได้สีที่ถูกใจ จากนั้นปรุงรสด้วย น้ำตาลทราย น้ำมะนาว คนให้เข้ากัน แล้วชิมรส ขาดเหลือรสไหนก็ปรุงเพิ่มได้นะคะ
น้ำซุป
ใช้น้ำต้มไก่ได้เลย ถ้าน้ำต้มไก่ขุ่นให้นำไปกรองด้วยกระชอนก่อนสัก 1 รอบ โดยตักฟักออกก่อน ตั้งไฟให้ร้อน แล้วปรุงรสตามชอบ เวลาจะรับประทานก็ โรยด้วยต้นหอม หรือผักชีซอย
***เวลาจะรับประทาน ก็ตักข้าวมันไก่ใส่จาน วางไก่ที่หั่นชิ้นไว้บนข้าว วางแตงกวาหั่นชิ้นไว้ข้าง ทานคู่กับน้ำจิ้มข้าวมันไก่ เสร็จแล้วเตรียมน้ำซุปไว้ซดน้ำ แค่นี้เราก็จะได้ข้าวมันไก่ฉบับทานที่บ้าน แล้วค่ะ
น้ำจิ้ม
พริก 1/4 ถ้วย
กระเทียม 1/4 ถ้วย
ข่าแห้ง 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1 ช้อนชา
น้ำส้มสายชู 3/4 ถ้วย
วิธีทำ
ทำน้ำจิ้มโดย ใส่พริก กระเทียม ข่าแห้ง เกลือป่น และน้ำส้มสายชูลงในเครื่องปั่น ปั่นจนละเอียด เตรียมไว้กินคู่กับก๋วยเตี๋ยว
ต้มไก่
สะโพกไก่ 8 ชิ้น
ข้าวสาร 3 กระป๋อง
หอมแดง 4 หัว
เนยเค็ม 2 ชต.
นมข้นจืด 1/4 ถ้วย
น้ำเปล่า 2 ½ ถ้วย
น้ำมันพืช 1/4 ถ้วย
ผงข้าวหมกไก่
ผงกะหรี่ 2 ชช.
ผงขมิ้น 1 ชช.
ลูกผักชีป่น 1 ชช.
ยี่หร่าป่น ½ ชช.
เกลือป่น 1 ชช.
น้ำตาลทราย 1 ชช.
อบเชยป่น 1 ชช.
ใบกระวาน 2 ใบ
น้ำจิ้มข้าวหมกไก่
ต้นหอม 2 ต้น
ผักชี 3 ต้น
ขิงแก่ 1/4 ถ้วย
พริกชีฟ้า 1 เม็ด
น้ำตาลทราย 1/3 ถ้วย
เกลือป่น 1 ชช.
น้ำส้มสายชู 1/4 ถ้วย
น้ำเปล่า 1 ชต.
วิธีทำ
ล้างไก่ให้สะอาด ใช้ส้อมจิ้มเนื้อไก่ให้ทั่ว
ผสมวัถุดิบผงปรุงไก่ แล้วแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนที่ 1 ไปหมักไก่ต้มและส่วนที่ 2 นำไปหุงข้าว
หมักไก่ทิ้งไว้และแช่เย็นข้ามคืน
ซอยหอมแดง แล้วแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนที่ 1 นำไปเจียว ส่วนที่ 2 นำไปผัดกับไก่ที่หมักไว้
ตักไก่พักไว้ให้เย็น นำข้าวสารที่ซาวแล้วลงไปผัดกับน้ำผัดไก่ และเติมผงปรุงไก่ลงไปผัดให้ทั่ว
ตักข้าวที่ผัดแล้วใส่หม้อหุงข้าว เติมน้ำเปล่าลงไป
นำชิ้นไก่วางลงไปบนข้าว แล้วนำไปหุงตามปกติ
วิธีทำน้ำจิ้ม
นำน้ำตาลทราย เกลือ น้ำเปล่า ใส่ลงในหม้อตั้งไฟปานกลาง คนจนน้ำตาลละลายจากนั้นปิดไฟแล้วเติมน้ำส้มสายชูคนให้เข้ากัน
หั่นต้นหอม ผักชี ขิงและพริกชีฟ้า แล้วนำไปปั่นให้ละเอียด
เติมน้ำเชื่อมที่ปรุงไว้ลงไปในผักที่ปั่นละเอียด คนให้เข้ากัน
หมายเหตุ ท่านสามารถดัดแปลงเป็นข้าวหมกอื่นๆได้ เช้น ข้าวหมกกุ่ง ข้าวหมกหมู ข้าวหมกไก่ทอด ข้าวหมกตับ ข้าวหมกปลา เป็นต้น
วิธีทำ
1. นำหมูสับใส่ลงในเครื่องปั่นอาหาร ปั่นจนเนื้อหมูเริ่มเหนียวก็ค่อยๆ ใส่น้ำเย็นจัดลงไปและปั่นต่อไปเรื่อยๆ จนเนื้อหมูเนียนละเอียด
2. ผสมเครื่องปรุงต่างๆ ลงในถ้วยผสมและคนให้เข้ากันดี
3. นำส่วนผสมที่ได้ค่อยๆ ใส่ลงไปในเครื่องปั่น ปั่นไปเรื่อยๆ จนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน
4. นำเนื้อหมูที่ได้มาใส่ในชามผสม คลุมด้วยพลาสติกใสแล้วนำเข้าช่องแช่แข็งประมาณ 30 นาที
5. เมื่อได้ที่แล้วก็นำออกมาฟาดและนวดไปเรื่อยๆ จนกว่าเนื้อหมูจะเนียนและเหนียวขึ้น
6. ต้มน้ำพอให้ร้อนแต่ไม่ต้องเดือด ปั้นเนื้อหมูเป็นก้อนกลม ใส่ลงไปในน้ำร้อน พยายามอย่าให้น้ำเดือด
7. ปั้นไปเรื่อยๆ รอจนลูกชิ้นลอยขึ้นมาก็ตักมาแช่ไว้ในชามที่ใส่น้ำแข็งไว้
8. นำลูกชิ้นในชามน้ำแข็งมาล้างน้ำเปล่าอีกครั้งแล้วสะเด็ดน้ำให้แห้ง
วิธีปั้นลูกชิ้นหมู
1. กำเนื้อหมูไว้ในมือแล้วค่อยๆ บีบให้เนื้อหมูขึ้นมาเป็นก้อน
2. พอเนื้อหมูขึ้นมาเป็นก้อนขนาดตามที่ต้องการแล้วก็ใช้ช้อนในมืออีกข้างหนึ่งตักลูกชิ้นใส่ลงไปต้มในน้ำร้อน
Tip: สูตรนี้อาจเปลี่ยนจากใช้หมูสับเป็นไก่สับหรือเนื้อสับแทนก็จะได้ลูกชิ้นไก่หรือลูกชิ้นเนื้อ
1.กล้วยน้ำหว้าสุก 5 หวี
2.เกลือป่น 3 ช้อนโต๊ะ
3.น้ำผึ้งแท้ 2 ถ้วย
4.น้ำสะอาด 3 ลิตร
วิธีทำ
1.ใส่น้ำในหม้อแล้วนำขึ้นตั้งไฟ เติมเกลือป่นลงไปรอให้น้ำเดือดเล็กน้อย
2.ปอกเปลือกกล้วย แล้วใส่กล้วยลงไปลวกในน้ำร้อน เพื่อให้ยางกล้วย และเศษใยกล้วยหลุดออกมา
3.นำกล้วยที่ลวกน้ำร้อน แล้วผึ่งบนตะแกรงให้สะเด็ดน้ำแล้วนำไปตากแดด 2-4 วันพอกล้วยเริ่มมีสีคล้ำให้นำมาใส่ถุงพลาสติก แล้วใช้ขวดคลึงกล้วยเบาๆให้แบน แล้วนำไปตากต่ออีก 2-3 วัน
4.การอบน้ำผึ้ง ใช้แปรงทำขนมชุบน้ำผึ้งที่เตรียมไว้ ทาให้ทั่วกล้วยที่ตากไว้ทั้งสองด้าน แล้วนำไปตากต่ออีก 2 วันแล้วเก็บใส่กล่อง
เคล็ดลับ
การทำกล้วยตากอบน้ำผึ้งให้น่าทาน มีสีสวย เนื้อกล้วยนุ่มไม่แข็งกระด้าง ขั้นตอนแรกต้องเลือกกล้วยที่ไม่มีเมล็ด ขั้นตอนการลวกกล้วยต้องไม่ ปอกเปลือกกล้วยไว้จำนวนมากๆ เพราะจะทำให้มีสีคล้ำไม่สวย ควรปอกเปลือกกล้วยจำนวนน้อยๆ แล้วทำการลวกกล้วยไปพร้อมๆกัน การทำให้กล้วยทับเนื้อนุ่ม ขั้นตอนการทับกล้วยต้องนำใส่ถุงพลาสติ กแล้วทับเบาๆ โดยทำหลายๆ ครั้งก็จะได้เนื้อกล้วยที่นิ่มอร่อย